เด็กคนหนึ่ง เติบโตขึ้นในครอบครัวที่อบอุ่น มีพี่น้องเก้าคน เป็นลูกคนสุดท้อง เป็นน้องเล็ก โชคดีที่ได้เรียนรู้และได้ดำเนินชีวิตในแบบที่ตนต้องการ ได้เดินตามเส้นทางที่ฝันใฝ่ แม้ว่าวันเวลาอาจทำให้ฝันได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างตามประสบการณ์ แต่ผมก็ไม่เคยที่จะหยุดฝัน
PHOL TANTASATHIEN
เรื่องเล่า… พล ตัณฑเสถียร
การเดินทางตามความฝัน ที่ได้พาผมเดินทางมาไกลแสนไกล จากคนตัวเล็กๆ ที่อยู่หลังฉากละครเวที เจ้าหน้าที่การตลาด นักร้อง นักแสดง พิธีกร เจ้าของกิจการ และกับบทบาทของคนทำอาหารในวันนี้ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็จะขอก้าวต่อไปด้วยความรักกับพลังที่เหลืออยู่
MY FAMILY
ครอบครัว

พล ตัณฑเสถียร เกิดวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2514 ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว มีพี่น้อง 9 คน เป็นคนสุดท้อง บ้านที่พลอาศัยตั้งแต่เกิดตั้งอยู่บริเวณสี่แยกปทุมวัน ณ วันนี้ได้ถูกเวนคืนและเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ ผมจึงเป็นเด็กสยามตั้งแต่เด็ก วิ่งเล่นอยู่แถวนั้น ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของเมือง ครอบครัวไม่เคยที่จะบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ ด้วยอิสระในการคิดอ่าน จึงทำให้งานของผมทุกชิ้นเต็มไปด้วยอิสระ และความเป็นตัวตนของผม ในรูปแบบที่คนอาจชอบหรือไม่ชอบก็ตาม สมาชิกในครอบครัวของผมมีทั้งข้าราชการ นักธุรกิจ นักโฆษณา นักคิด นักบัญชี และเจ้าของกิจการ เวลาที่ผมมีปัญหาหรือต้องการคำปรึกษาใดๆ ครอบครัวจึงเป็นเหมือนที่พึ่งพา ให้คำปรึกษากับผมมาโดยตลอด
LIVE & LEARN
เส้นทางของการเรียนรู้
ผมจบอนุบาลที่โรงเรียนอนุบาลเสริมมิตร หลังจากจบอนุบาล ก็ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนสีตบุตรศึกษา ผมเรียนโรงเรียนสีตบุตรจนถึงมัธยมศึกษาปีที่สาม เป็นเด็กเรียนปานกลาง เก่งเลข กับภาษาอังกฤษ ที่แย่ที่สุดเห็นจะเป็นประวัติศาสตร์กับสังคมศาสตร์ จบ ม.3 แทนที่จะต่อ ม.4 กลับเปลี่ยนสาขาอาชีพไปเรียนพาณิชย์แทน ที่อัสสัมชัญพาณิชยการ หลักสูตรของที่นี่จะเน้นที่สายอาชีพ พิมพ์ดีดทุกวัน ใช้เลข กดเครื่องคิดเลข เรียนสิ่งที่ใช้กับการทำงานค่อนข้างเยอะ จะว่าไปก็ดูเหมือนจะเหมาะสม เพราะที่บ้านก็มีอาชีพค้าขายเป็นหลัก แต่หลังจากนั้น ดันมีเหตุจูงใจให้อยากเรียนนิติศาสตร์ แม้ว่าสายที่จบมาจะไม่เอื้อกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเท่าไร แต่ด้วยความพยายามเรียนเพิ่มตามโรงเรียนกวดวิชาแถวสยามสแควร์ ก็ทำให้ผมได้เรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในคณะนิติศาสสตร์สมดังใจ

หลังจากเรียนจบธรรมศาสตร์ จึงค้นพบว่าสิ่งที่เรียน มาไม่ใช่สิ่งที่เป็นจุดมุ่งหมายในชีวิต ผมใช้เวลา หาตัวเองอยู่ 1 ปี ลองทำอะไรหลายอย่าง ลงเอยด้วยการตัดสินใจ ไปเรียนต่อในสาขา MBA ที่ Okalahoma City University ผมจบ MBA ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เป็นสิ่งที่ครอบครัว ภูมิใจและสร้างความไว้ใจให้ตั้งแต่นั้นมา
สำหรับเรื่องอาหาร ผมเรียนพื้นฐานอาหารไทยกับ อาจาร์ยศรีสมร คงพันธุ์ ที่โรงเรียนการเรือน ยิ่งเจริญ เรียนการประกอบอาหารคาวหวานและ หลักสูตรขนมปังที่ Le Cordon Bleu Dusit ซึ่งผมเป็นนักเรียนรุ่นแรกของโรงเรียน ในภาค การศึกษาที่ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกของเมืองไทยในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2550 และหลังจากที่เรียนจบ ก็ได้รับมอบหมายให้เป็น Brand Ambassador ให้กับสถาบันด้วย เรียนการทำเจลาโต้ที่ Gelato University ที่เมืองโบโลนญ่า และนอกจากนั้น ผมก็ได้เรียนพื้นฐานการทำอาหารญี่ปุ่นจาก ฮิโรโกะโคบายาชิ
การศึกษาสำหรับผม เป็นเรื่องที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุกวันนี้ ก็ยังคงเรียนเพิ่มเติมเสมอเพื่อที่จะพัฒนาตัวเอง และหาข้อมูลใหม่ๆ มาใช้ในการทำงาน
Photographer: Oh Sirangkul
MY WORK
หน้าที่การงาน…สิ่งที่พาเรามาพบกัน
พล ตัณฑเสถียร ก้าวเข้าสู่สายงานบันเทิง โดยเริ่มต้นจากภาพยนตร์เรื่องคู่กรรมภาค 2 กับบทบาทของโยอิจิ ลูกชายของโกโบริ และอังศุมาลิน ซึ่งในเวลานั้น พลทำงานด้านการตลาดอยู่กับ บริษัท ซีพี 7-11 จำกัด ควบคู่ไปพร้อมๆ กับทำงานในวงการบันเทิงอยู่เป็นเวลา 2 ปี ก่อนการตัดสินใจเดินทางในสายบันเทิงอย่างเต็มตัว ด้วยการรับบทบาทที่หลากหลายในงานละครทีวี ละครเวที งานร้องเพลง และงานพิธีกร
ชีวิตในวงการบันเทิงได้เปิดโอกาสให้พลได้ลองทำงานในสาขาที่แตกต่างมากมาย ไม่ว่า การเป็นศิลปินวาดรูป หรือการโชว์ทำอาหารในงานต่างๆ โอกาสเหล่านี้เป็นเหมือนสะพานเชื่อมพลเข้าไปสู่อาชีพหลักในปัจจุบัน ซึ่งได้แก่สายงานด้านอาหารนั่นเอง พลเริ่มเรียนรู้และใกล้ชิดกับงานด้านอาหาร จากการเป็นคอลัมนิสต์อาหารให้กับนิตยสารต่างๆ มากมาย และต่อมาก็ได้เปิดร้านอาหารของตัวเองภายใต้ชื่อ Spring Dining Room และ Summer Chocolate House อยู่ซอยระหว่างสุขุมวิท 39 และ 49 บทบาทแรกในฐานะคนร้านอาหารของพลไม่ต่างจากเจ้าของร้านอาหารทั่วๆ ไป แต่ด้วยความรักในการทำอาหาร จึงทำให้พลใฝ่หาและสะสมความรู้ด้านการทำอาหารทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จากโอกาสที่เข้ามา ไปถึงโอกาสที่พลไขว่คว้าหามาด้วยตัวเอง
และในวันนี้ ความรู้เหล่านั้น ก็ได้หล่อหลอมพลให้เป็นคนในสายอาชีพอาหาร ทำให้พลได้เป็นที่รู้จัก และยอมรับ นอกจากการเป็นเชฟเจ้าของร้านอาหาร พลยังทำรายการอาหารชื่อ พลพรรคนักปรุง ทางโมเดริน์ไนน์ทีวี และ Website เกี่ยวกับอาหารชื่อ pholfoodmafia.com รวมถึงเป็นที่ปรึกษางานด้านอาหารให้กับองค์กรต่างๆ มากมาย